วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2561

กษ.จ่อสุ่มตรวจตัวอย่างพืช-ดิน-น้ำในพื้นที่เสี่ยงมีสารเคมี


กษ. ยันปลูกพืชระบบไฮโดรโปนิกส์ ไม่ใช่เกษตรอินทรีย์ ใช้สารเคมีและสารกำจัดศัตรูพืชได้ แต่ใช้อย่างถูกต้องและปลอดภัย เผยแผนวิจัยสุ่มตรวจและเก็บตัวอย่างพืช  ดิน  น้ำ ในพื้นที่มีปัญหาเมื่อวันที่ 16 ก.ค. นายสุวิทย์ ชัยเกียรติยศ  อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงกรณีเพจ MOREMOVE นำเสนอข้อมูลจากมูลนิธิชีววิถีหรือไบโอไทย ระบุว่า พบสารเคมีตกค้างเกินมาตรฐานในผักไฮโดรโปนิกส์มากกว่าผักปลูกโดยใช้ดิน ว่า  การปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ไม่ใช่การทำเกษตรอินทรีย์เกษตรกรจึงสามารถใช้ปุ๋ยเคมีและสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชตามคำแนะนำบนฉลากวัตถุอันตรายได้   และเว้นระยะการใช้ก่อนการเก็บเกี่ยวเช่นเดียวกับการปลูกพืชในระบบ GAP หรือการปลูกพืชในระบบอื่น  ซึ่งหากปฏิบัติตามคำแนะนำดังกล่าวจะไม่มีสารตกค้างในผลผลิตแต่อย่างใดอย่างไรก็ตาม การปลูกพืชในดินโดยปกติสารเคมีจะมีการสลายตัวได้เร็วเนื่องจากปัจจัยของอุณหภูมิและแสงแดดรวมทั้งมีจุลินทรีย์ที่ช่วยสลายสารเคมีลงไปในดิน   แต่การปลูกพืชแบบไม่ใช้ดินหรือในโรงเรือนจะไม่มีจุลินทรีย์เป็นตัวช่วยจึงสลายตัวได้ช้า  อย่างไรก็ตามกรมวิชาการเกษตรมีคำแนะนำให้เกษตรกรที่ปลูกพืชในโรงเรือนใช้ชีวภัณฑ์ เช่น ไตรโครเดอร์มา  และไส้เดือนฝอยทดแทนการใช้สารเคมี  หรือหากมีความจำเป็นต้องใช้ให้ใช้ตามคำแนะนำในฉลากและเว้นระยะการใช้ก่อนการเก็บเกี่ยวให้ถูกต้องอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า นอกจากการให้การรับรองแหล่งผลิตแล้วกรมวิชาการเกษตรยังมีมาตรการในการเฝ้าระวังสารพิษตกค้างในผลผลิตโดยติดตามสุ่มเก็บตัวอย่างผลผลิตแล้วนำมาตรวจวิเคราะห์สารตกค้างในห้องปฏิบัติการ โดยสุ่มเก็บทั้งในแปลงซึ่งเป็นแหล่งผลิต  จุดรวบรวมผลผลิตในและโมเดิร์นเทรด โดยมีแผนการสุ่มเก็บตัวอย่างทั่วประเทศรวมจำนวน 9,000 – 10,000 ตัวอย่าง นอกจากนี้กรมวิชาการเกษตรยังได้จัดทำโครงการวิจัยแร่งด่วน  โดยทำการสำรวจสารพิษตกค้างในสิ่งแวดล้อมบริเวณพื้นที่เสี่ยงภัย  และวิจัยสารพิษตกค้างในพืชผัก ผลไม้ที่มีความเสี่ยงจากสารเคมีทางการเกษตร ด้วย โดยสำรวจและติดตามผลกระทบในน้ำและดินมีเป้าหมายในการเก็บชนิดและจำนวนตัวอย่าง 800 ตัวอย่างเพื่อนำมาตรวววิเคราะห์สารตกค้าง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น