ระหว่างสงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งแรก
เมื่อปี 2534 เกิดเหตุน้ำมันดิบของคูเวตมากถึง 240-336 ล้านแกลลอน
รั่วไหลไหลลงสู่อ่าวเปอร์เซียครอบคลุมพื้นที่ใหญ่กว่าเกาะฮาวายเสียอีก ไม่นับรวมน้ำมันในบ่อน้ำมันที่ถูกเผาไปอีกราว 1-1.5 พันล้านบาร์เรล
สาเหตุมาจากทหารอิรักที่ยาตราทัพบุกยึดคูเวตได้เปิดวาล์วบ่อน้ำมัน 600 บ่อ
และท่อส่งน้ำมันระหว่างถอนทหารออกจากคูเวตเพื่อขัดขวางทหารอเมริกันไม่ให้ตีโต้เร็วเกินไปนัก
กว่าจะดับไฟที่ลุกโชนเหนือบ่อน้ำมันได้ต้องใช้เวลานานถึง 10 เดือนในส่วนของการทำความสะอาดคราบน้ำมันนั้น
กองกำลังพันธมิตรนำโดยสหรัฐฯ
ได้ใช้ระเบิดสมาร์ทบอม์หยุดยั้งการรั่วไหลของน้ำมันจากท่อส่งน้ำมัน
แต่การฟื้นฟูต้องชะลอออกไปชั่วขณะ จนกระทั่งสงครามยุติลงแล้ว
ระหว่างนั้นได้วางทุ่นกักน้ำมัน (boom) เพื่อดักจับคราบน้ำมันซึ่งเกิดไฟลุกโชนกลางอ่าวเปอร์เซียเป็นวงกว้างขนาด
25 ไมล์ รวมทั้งใช้อุปกรณ์สกิมเมอร์ (skimmer) 21 ตัว
เพื่อนำคราบน้ำมันไปเก็บในภาชนะที่เตรียมไว้บนเรือ
และยังใช้รถบรรทุกดูดคราบน้ำมันไปทิ้งด้วย ทั้งหมดนี้สามารถกำจัดคราบน้ำมันได้ราว 58.8 ล้านแกลลอนจากรายงานของยูเนสโกระบุว่า
เหตุน้ำมันรั่วไหลที่อ่าวเปอร์เซียในครั้งนั้น
ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและการประมงท้องถิ่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
รายงานนี้สรุปด้วยว่าราวครึ่งหนึ่งของคราบน้ำมันได้ระเหยกลายเป็นไอ
อีกราวหนึ่งในแปดได้รับการชำระล้าง อีกหนึ่งในสี่ซัดเข้าชายฝั่งของซาอุดีอาระเบีย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น